บ่นกันมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่าค่า ad แพงเหลือเกินบอกเลยปีนี้ .. แพงกว่าเดิม! (ผ่าง)
แล้วเราจะทำยังไงดี? มาฟัง คุณโน้ต Ex-facebook Asia Pacific วิเคราะห์แนวโน้มของ facebook ads ในปีนี้กัน
เริ่มจากทำไม ad แพง?
ก็เมื่อผู้ใช้เท่าเดิม (หรืออาจจะน้อยลง) แต่คนลงโฆษณาเยอะขึ้น ยิ่งแบรนด์ใหญ่ๆ มาลงด้วย demand สวนกับ supply ค่า ad เลยพุ่งสูง ประกอบกับการซื้อ facebook ad เป็นระบบ bidding พอถึงช่วงเทศกาล 11.11 / 12.12 ทุกเจ้าพร้อมใจกันทุ่มเงิน ราคาก็ยิ่งแพงขึ้นไปอี แต่แม้ปวดใจกับ CPM แค่ไหน แต่พอจะไม่ซื้อ ad โพสต์ธรรมดา ค่า reach ก็ต่ำซะจนไม่ถึง 1% จะมีใครเห็นมั้ย
คุณโน้ต ผู้เชี่ยวชาญการตลาดสาย performance marketing เลยมาแชร์ 5 ข้อ checklist ก่อนซื้อ Facebook Ads ในปีนี้ เพื่อปรับ ad strategy ไปด้วยกัน มีอะไรบ้าง ไปดูเลย
5 ข้อ checklist ก่อนซื้อ Facebook Ads
บางทีถ้าเธอลองใจเย็นๆ แล้วดู CTR สักหน่อย Click thru rate จากโฆษณาเก่าๆ จะช่วยบอกเราว่า กลุ่มเป้าหมายชอบ key message แนวไหน เทียบกับ CTR ของช่วงที่ค่า ad ถูก ถ้า CTR ตอนนี้ของเราแย่ ที่ ad เราแพงขึ้น อาจเพราะ content เรามีปัญหาก็ได้นะ
campaign ตอบโจทย์ลูกค้าจริงมั้ย ในช่วงสถานการณ์ที่คนใช้เงินระมัดระวังมากขึ้น ถ้าหากสินค้าเราไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น ถึงลดราคา ยิงถูกกลุ่มแล้ว ก็ยังอาจจะขายยากขึ้น
มองข้าม cost per acquisition แล้วโฟกัสที่ lifetime value การใช้โปรโมชั่นดึงดูดให้ลูกค้ามาลองใช้ ให้ติดใจแล้วซื้อซ้ำ lifetime value นี้ก็อาจทำให้ต้นทุนต่อการขายในระยะยาวที่แท้จริง ถูกลงได้ ซึ่งเราอาจใช้ ad เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ ทำ repurchase cycle retarget เฉพาะกลุ่มลูกค้า ให้เราใช้เงิน ad คุ้มค่าที่สุด
เพิ่ม channel ช่องทางอื่นๆ ขยาย platform และติด pixel เพื่อเอื้อต่อการ retarget ลูกค้า คัดลูกค้าที่ engage กับ product เราในเลเวลต่างๆกัน พอเราจะยิงแอด ก็เลือกเฉพาะกลุ่มที่สนใจสินค้าเราจริงๆก็จะสามารถใช้เงินได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
พัฒนากลยุทธ์ remarketing ใช้ discount ladder ให้ลูกค้าในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ช่วงวันแรกอาจจะลด 5% แต่พอเลยสิบวันไปแล้วยังไม่ซื้อ เราอาจเสนอส่วนลดเพิ่มขึ้น นี่ก็จะช่วยเพิ่ม CTR และ Purchase rate ได้ รวมถึงการ personalized ใช้รูปและโฆษณาแตกต่างกัน ทดสอบ a/b testing เทียบวิธี trigger action เพิ่มประสิทธิภาพ ad ก็จะทำให้ต้นทุนโฆษณาเราถูกลงได้
Comments